“ชาไทย” เครื่องดื่มทางวัฒนธรรมที่มีเรื่องราวมากกว่า 100 ปี
เหล่าสาวก “ชาไทย” หลาย ๆ คนคงมีความคิดว่า ดื่มชาไทยวันละหลายแก้วก็ยังไหว! เพราะรสชาติของมันช่างหวานกลมกล่อม จะดื่มเวลาไหน หรือที่ใดก็ได้ เพราะเป็นเครื่องดื่มที่แทบจะมีอยู่ทุกที่ และปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ชาไทย ก็ยังเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมไม่เพียงแต่เฉพาะคนไทย แต่ยังไปถึงระดับสากลอีกด้วย ซึ่งชาไทยของเราถูกจัดอันดับไว้ถึงอันดับที่ 7 จาก “10 อันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ดีที่สุดในโลก (10 Best Rated Non-Alcoholic Beverages in the World) ปี 2023” ของ TasteAtLas ซึ่งเป็นเว็บไซต์รวบรวมบทความ และข้อมูลอาหารยอดนิยมทั่วโลก จากการสำรวจทั้งหมด 100 เมนู จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่า ชาไทย หรือ Thai Iced Tea นั้นอร่อยถูกปากไม่แพ้เครื่องดื่มใดในโลก
ซึ่งต้นกำเนิดของชาไทย สันนิษฐานว่า ได้ถูกนำเข้ามาจากประเทศจีน เนื่องเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมการดื่มชามาอย่างช้านาน ผ่านคนจีนที่เข้ามาทำการค้าขาย หรืออพยพย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในประเทศไทยในสมัยโบราณ ด้วยการนำยอดใบชามาตากแห้งและนำมาผ่านกระบวนการต้ม ดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพร่างกาย แต่ในปัจจุบันความหลากหลายของวัฒนธรรม การดื่มชา ในประเทศไทยก็มากขึ้น โดยเฉพาะชานม หรือ ชาไข่มุกที่มีต้นตำหรับมาจากประเทศไต้หวัน ตลอดจนชาที่มีต้นตำหรับมาจากประเทศญี่ปุ่น เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ยังพบบันทึกเกี่ยวกับการดื่มชาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา โดยมีจดหมายเหตุของ “ลาลูแบร์” (ปี พ.ศ. 2230) ได้พูดถึงวัฒนธรรมการดื่มชาในสยามประเทศไว้ว่า
“ชามีให้ดื่มกันเฉพาะในเมืองหลวง ช่วงนั้นคนไทยรู้จักดื่มชากันแล้ว และชอบชงน้ำชารับแขก คนสยามไม่ใส่น้ำตาลในชา ดื่มชาร้อนๆ แบบคนจีน การปฏิเสธไม่ดื่มชาในสยามถือว่าไม่มีมารยาท ต้องนั่งดื่มกันเมื่อได้รับการเชื้อเชิญ”
ซึ่งในช่วงแรกมักจะนิยมดื่มขาเฉพาะในชนชั้นสูงเท่านั้น โดยทานคู่กับขนม เพื่อรองรับแขกบ้านแขกเมืองตามเรือนพักรับรองต่าง ๆ หลังจากนั้นได้เริ่มมีการนำชามาผสมกับนม และน้ำตาล ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากวิธีการดื่มชาจากประเทศอินเดีย ประกอบกับช่วงสมัยของรัชกาลที่ 6 ก็เริ่มมีการสร้างโรงน้ำแข็ง และเริ่มมีการเปิดร้านกาแฟโบราณมากขึ้นใน และร้านเหล่านี้มักจะมีเมนูชาใส่นมนี้ด้วย และไม่นานก็ได้กลายมาเป็นเครื่องดื่มของสามัญชนบุคคลทั่วไปที่ฮิตไปทั่วทั้งพระนคร และภายหลังที่มีการนำชาที่มีสีไปทางแดง – ดำเข้ามาขาย ซึ่งเมื่อนำมาผสมกับนมและน้ำตาล จึงเกิดเป็นเครื่องดื่มชาสีออกส้มอ่อน ๆ ที่เราคุ้นเคย จึงเริ่มมีการเรียกขานเครื่องดื่มชาผสมนมนี้ว่า “ชาไทย” ที่สามารถหาดื่มได้เฉพาะในประเทศไทยนั่นเอง
และมาถึงปัจจุบัน มีการเลือกใช้ใบชาที่นำมาทำชาไทยก็แตกต่างไปตามสูตรของแต่ละร้าน โดยชนิดของใบชาที่เป็นที่นิยม เช่น ชาซีลอน ชาอัสสัม หรือเป็นการผสมกันทั้งสองชนิด ซึ่งมีรสชาติอย่างที่เราคุ้นเคยกัน มีความกลมกล่อม หวานมันลงตัว แบบที่หาไม่ได้จากเครื่องดื่มชาผสมนมของประเทศอื่น ๆ และยังมีการนำไปประยุกต์กับขนมหวานอีกหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีม ขนมเค้ก หรือเบเกอรี่ต่าง ๆ ยิ่งเป็นการตอกย้ำความนิยมในรสชาติอันแสนอร่อยของชาไทย ไม่เพียงแต่เฉพาะในหมู่คนไทย ยังรวมไปถึงชาวต่างชาติที่ได้ลิ้มลองเครื่องดื่มชาไทยอีกด้วย ซึ่งหากจะกล่าวว่าชาไทย คือ “ซอฟต์เพาเวอร์” ด้านอาหารของประเทศไทย ก็ดูจะไม่เป็นคำพูดที่เกินจริงนัก
ยิ่งถ้าได้ใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมียมสำหรับทำชาไทยที่มีคุณภาพ อย่างผลิตภัณฑ์ ชาไทยอัสสัม Cha Thai (Thai Tea) Signature Blend ชาคุณภาพสูงที่ถูกซ่อนอยู่ในขุนเขาแห่งสายหมอก จากจังหวัดน่าน ที่มีความพิธีพิถันตั้งแต่กระบวนการปลูก ไปจนถึงกระบวนการผลิต และไม่ว่าจะทำเมนูเครื่องดื่มแบบใด ทำดื่มเองที่บ้าน หรือเป็นเมนูเครื่องดื่มขายสำหรับร้านคาเฟ่ หรือร้านอาหารก็เยี่ยม
สำหรับใครที่กำลังมองหาวัตถุดิบสำหรับ “ชาไทย” และเครื่องดื่มชาอื่น ๆ รสชาติเข้มข้นตามต้นตำหรับ สำหรับรังสรรค์เมนูความอร่อยในร้านของคุณ สามารถสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลได้ทาง Inbox 24 ชั่วโมง
ที่มา
– เผย TasteAtlas จัดอันดับ “ชาไทยเย็น” ติด 1 ใน 10 เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ได้รับคะแนนดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023
– ชาไทยเครื่องดื่มดั้งเดิม ชาไทยมาจากไหน จากอดีตสู่เมนูยอดฮิตแพร่หลายทั่วโลก
– เปิดประวัติ “ชาไทย” เมนูขึ้นแท่นอันดับ 7 เครื่องดื่มที่ดีที่สุดในโลก
หากใครสนใจอยากจะลองลิ้นรสชาติที่สุดของชาพรีเมียมสามารถสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลได้ทาง Inbox 24 ชั่วโมง
👉🏻 Facebook : คลิกเพื่อเข้าสู่ Facebook
👉🏻 Shopee : คลิกเพื่อเข้าสู่ Shopee
👉🏻 Lazada : คลิกเพื่อเข้าสู่ Lazada
👉🏻 LINE Shop : คลิกเพื่อเข้าสู่ LINE Shop
👉🏻 Tiktok Shop : คลิกเพื่อเข้าสู่ Tiktok Shop
👉🏻 Singha Online : คลิกเพื่อเข้าสู่ Singha Online